วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

คิดเป็นชีวิตเปลี่ยน


บางคนร่างกายจะแข็งแรง มีเงินทองมากมาย ญาติมิตรห้อมล้อม 
แต่ก็หน้าตาหม่นหมอง นอนไม่หลับ วิตกกังวลไปสารพัดเรื่อง
มันอะไรกันหนักกันหนา  สุขอยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ 
อยากมีความสุขต้องเรียนรู้ว่าจะคิดอย่างไรให้ใจเป็นสุข
เราเคยได้ยินได้ฟังเรื่องการคิดดีทำให้มีความสุข คิดดีจะทำให้เราผ่านเรื่องร้าย ๆ ไปได้อย่างราบรื่น  การที่เราได้อยู่ใกล้คนคิดดีเราก็มีความสุขได้ แต่บางครั้งเวลาผ่านไปสิ่งมากมายผ่านมาในชีวิต ทำให้เราหลงลืมเรื่องดี ๆ นี้ไป โชคดีที่โรคบ้าซื้อหนังสือของเรามันกำเริบ  และโชคดีที่อารมณ์อยากพัฒนาตัวเองมันพลุ่งพล่านเต็มที่  และนางฟ้าสีขาวก็มาดลใจให้หันซ้ายหันขวาหยิบหนังสือที่ปกน่ารัก  ชื่อน่าอ่าน ของ "ปราย โสภาศิริ" มาช่วยกระตุ้นต่อมคิดบวกที่เริ่มจะฝ่อ ๆ ให้มันทำงานดีขึ้น

 "จริงๆ แล้วเคล็ดลับของการมีความสุขไม่ใช่เรื่องลี้ลับซับซ้อนอะไร  
ขอเพียงให้เข้าใจและมองเห็นสัจธรรมของชีวิตว่า
ความสุขไม่ได้อยู่ที่ปลายทางแต่กลับอยู่ที่ทางเดินไปมากกว่า"  หน้า 11



การใช้หัวใจคิดและพิจาณาคิดสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต
จึงเป็นศิลปะสำคัญของการดำรงชีวิตให้มีความสุข
เพราะความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ไหนอยู่ที่ใจของเรานี้เอง
ขอแค่หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข...หน้า 17


คนเรากิดมามีสิทธิ์ที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องร้าย ๆ ได้ทั้งนั้น  
แต่ทำไมหลายคนถึงผ่านมันไปได้ง่ายดาย  
ในขณะที่บางคนเพียงแค่เรื่องเล็กๆ ก็ทำเอาหม่นหมองหดหู่ เหมือนตกนรกทั้งเป็นไปได้
ไม่ใช่ว่าใครเก่งกว่าใคร  หรือใครมีวิชาของดีอยู่กับตัว
ของแบบนี้อยู่ที่ "วิธีคิด"  ไม่ได้อยู่ที่ชะตาฟ้าลิขิต หน้า 21



คนที่สามารถควบคุมความคิดของตนเองได้จะรู้วิธีรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดี  รู้ว่าจะจัดการกับความคิดของตนเองยังไงซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย...แต่รับรองคุณทำได้"  หน้า  31


คนรู้จักสั่งใจของตนเองให้มองโลกในด้านบวกจึงมักจะเป็นคนที่มองเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเข้าใจและยอมรับได้ในด้านดีและด้านร้ายที่มาควบคู่กัน   หน้า  33


 คนที่เรียนรู้และหมั่นฝึกฝนจิตให้คิดดีแม้ในยามวิกฤต มองเห็นมุมมองใหม่ ๆ   แม้ในวันที่เจอเรื่องเลวร้าย  ร่างกายก็จะได้รับ"สัญญาณของการอยู่รอด" จนเกิดพลังกายกล้าแข็งและพลังใจที่จะเอาชนะอุปสรรคใดๆ ให้ผ่านไปได้เสมอ                   
คนที่คิดแต่เรื่องดี ๆ มองโลกในแง่ดี ร่างกายจะเกิดการหลั่งสารเคมีที่ชื่อ เอนโดฟิน  ซึ่งเป็นตัวออกฤทธิ์คล้ายฝิ่น คือทำให้รู้สึกเบาสบายตัว ผ่อนคลาย  อารมณ์ดี หรือในตอนที่ร่างกายได้เจอกับสถานการณ์ตื่นเต้น ต้องเอาตัวรอด เช่นเวลาเกิดไฟไหม้  ร่างกายก็จะเกิดการหลังสาร อะดรินาลีน ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายกับแอมเฟตามีนในยาบ้าทำให้บางคนแบกตุ่มน้ำหนักๆ ออกจากบ้านได้ 

แตกต่างจากคนที่คิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องร้าย ๆ เรื่องทุกข์ เรื่องเศร้าร่างกายก็จะได้รับสัญญานความเครียด  และหลั่งสารที่มีชื่อว่า  คอร์ติซอล คนที่มีแต่ความเครียดอับจนหนทาง หมกมุ่นอยู่กับปัญหา หรือแม้แต่เด็ก ๆ ที่เติบโตในครอบครัวที่มีปัญหาเวลาเอาน้ำ้ลายมาตรวจก็จะพบสารนี้ในน้ำลายด้วยเช่นกัน ในเวลาที่ร่างกายเกิดความตกใจ ความเครียด  ความกังวล  ความกลัว  และทุกๆ อารมณ์ด้านลบ ฮอร์โมนตัวนี้จะดึงเอาเซลล์กล้ามเนื้อออกมาเผาผลาญเป็นพลังงาน และส่งผลให้ร่างกายสูญเสียเซลล์กล้ามเนื้อ คนที่อยู่ในความทุกข์หรือคิดเรื่องร้าย ๆ เช่นเจ็บแค้น อิจฉา โศกเศร้า อยู่บ่อย ๆ อาจจะเคยสังเกตเห็นว่าตัวเองรู้สึกกะปลกกะเปลี้ย  อ่อนเพลีย ไม่กระฉับกระเฉง  เหมือนกับไปทำงานแบกหามมานักหนา
่่่ 
เทคนิคพิเศษอย่างหนึ่งสำหรับคนอยากมีชีวิตคู่โลกใบนี้ไปนาน ๆ คือต้องมีอารมณ์ดีอยู่เสมอ  ไม่เครียด  ไม่ทุกข์ เป็นร้อนกับเรื่องใดๆ สิ่งใดปล่อยวางได้ก็วาง  แล้วร่างกายจะตอบสนองสัญญานชีวิตเหล่านี้  ให้ได้มีสภาวะทางกายที่แข็งแรงอยู่เสมอหน้า 41


โอะ โอ้ย มันน่าสนใจไปหมด พิมพ์ไม่ไหวแล้วใครสนใจไปหาอ่านกันเองแล้วกันนะ